MAE NOI hunglay curry paste 80g

แกงฮังเล หรือในบางท้องที่อาจจะเรียกว่า ฮินเล คืออาหารเหนือที่ได้รับอิทธิพลการกินมาจากพม่า ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้เขียนสัญนิฐานว่าพม่าเองก็ได้รับเอาอิทธิพลการกินมาจากอินเดียอีกทีหนึ่ง สาเหตุก็คือสูตรการผสมเครื่องเทศที่นำเอามาบดเป็นผงฮังเลนั้น มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ ผงมัสล่า ซึ่งเป็นการผสมเครื่องเทศของชาวอินเดียที่มีสูตรการผสมแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมของพื้นที่

ในกรณีของชาวเหนือนั้นเราสามารถพบเห็นแกงฮังเลได้ทั่วไป และจะได้รับประทานแกงฮังเลมากเป็นพิเศษก็จะอยู่ในช่วงของเทศกาลใหญ่ๆ เช่น สงกรานต์ และ เข้าพรรษา เนื่องจากแต่ละครอบครัวมักจะพร้อมใจกันทำแกงฮังเลเพื่อไปถวายพระที่วัด ซึ่งบางวัดต้องนำเอาภาชนะขนาดใหญ่มารับแกงฮังเลที่มวลหมู่ญาติธรรมนำมาถวายกัน หากแกงฮังเลเหลือจากการรับประทานก็มักจะถูกนำไปแปลงร่างเป็นอาหารอีกชนิดนหึ่งนั่นคือ แกงโฮ๊ะ  โดยมีแกงฮังเลเป็นตัวหลักแล้วเพิ่ม หน่อไม้ดอง วุ้นเส้น พริกขึ้นหนูสด หรือผักอื่นๆ เข้าไปอาทิเช่น ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ มะเขือพวง ใบโกศล ใบเล็บครุฑ  ฯลฯ

แกงฮังเลนั้นเป็นอาหารประเภทแกงเนื้อ ไร้กะทิ และใช้เครื่องเทศในการดับคาว ชูรส และกลิ่นของอาหาร สำหรับเนื้อสัตว์ที่นำมาทำเป็นแกงฮังเลสามารถ ใช้เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ในบางท้องทีอาจจะมีการนำผลไม้ที่ออกรสเปรี้ยวมาเป็นส่วนประกอบของแกงด้วยเช่น มะม่วง กระท้อน และ สับปะรด

สำหรับวิธีทำแกงฮังเลนั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้พริกแกงฮังเลสำเร็จรูปตราแม่น้อย ซึ่งส่วนประกอยในการทำแกงมีดังต่อไปนี้

๐ หมูสามชั้น หรือ จะเป็นส่วนของขาหมู

๐ กระเทียมแกะกลีบ หรือจะใช้กะเทียมดองก็ได้

๐ หอมแดง / หอมหัวใหญ่

๐ น้ำมะขามเปียก

๐ น้ำตาลปี๊บ หรือ น้ำตาลดิบก้อน (ทางเหนือเรียกน้ำอ้อย)

๐ ขิงซอย

๐ พริกแกงฮังเลสำเร็จรูปตราแม่น้อย (พริก 80กรัม ต่อหมู 1 กก.)

1. ให้นำหมูสามชั้น หรือ ขาหมู ที่หั่นเป็นชิ้นแล้วมาคลุกกับพริกแกงฮังเล ซึ่งในการหมักเนื้อนี้บางท่านอาจจะมีการใส่ซีอิ๊วดำลงไปด้วยเพื่อให้มีสีออกคล้ำ หากพริกแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำอุ่นได้นิดหน่อย
2. นำลงผัดในกะทะพอสุก จึงใส่กระเทียมแกะกลีบ หอมแดง เติมน้ำมะขาม น้ำอุ่น พอท่วมเนื้อ
3. ลดไฟลง เคี่ยวไปเรื่อยๆ ประมาณ 40-60 นาที จนเนื้อเริ่มเปื่อย
4. ใส่ขิงซอยลงไป และปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลมะพร้าว ต้มต่อไปอีกสักพักเพื่อให้ขิงสุก

• ปกติแล้วแกงฮังเลจะมีน้ำขลุกขลิก จะออกรสเค็มนำ ตามด้วยอมหวานอมเปรี้ยว
• บางพื้นที่ในภาคเหนือจะใช้กระเทียมดอง และน้ำกระเทียมดองแทนน้ำมะขาม แต่ควรบริโภคด้วยความระมัดระวัง
• บางพื้นที่จะนำเนื้อมาหมักกับซีอิ้วหวานเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อมีสีน้ำตาล
• บางสูตรสามารถใส่มะม่วงซอยลงไปร่วมกับขิงซอย
• การใส่น้ำตาลปี๊บ ให้ใส่เป็นลำดับสุดท้ายหลังจากเนื้อเปื่อยแล้วเท่านั้น เพราะหากใส่ลงไปก่อนจะให้เนื้อรัดตัว และแข็งกระด้าง